ความพร้อมของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังลุ้นให้อลัน สมิธ สามารถกลับมาลงสนามให้ทีมได้ หลังจากที่หายไปจากทีมเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า
เกมนี้จะไม่มีพอล สโคลส์ และปาร์ค จี ซอง อย่างแน่นอน โดยสโคลส์ ยังไม่หายจากปัญหาด้านสายตา ส่วนปาร์ค ยังมีปัญหาหัวเข่าอยู่ ในขณะที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็จะไม่ได้ลงเนื่องจากติดโทษแบน 3 นัดเป็นนัดที่สอง
ลิเวอร์พูล มีความพร้อมมากกว่า โดยที่จะขาดเพียงหลุยส์ การ์เซีย และเซนเด้น เท่านั้น
การ์เซีย ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ขณะที่เซนเด้น ก็มีปัญหาหัวเข่าระยะยาวเช่นกัน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟาน เดอ ซาร์, ฮาวเวิร์ด, เนวิลล์, บาร์ดส์ลี่ย์, เฟอร์ดินานด์, บราวน์, ซิลแวสตร์, วิดิช, เอวร่า, โอเชีย, ริชาร์ดสัน, สมิธ, เฟลทเชอร์, กิ๊กส์, ฟาน นิสเตลรอย, รูนี่ย์, ซาฮา, รอสซี่
ลิเวอร์พูล เรน่า, ฟินแนน, ฮูเปีย, คาร์ราเกอร์, รีเซ่, วอร์นอกซ์, ตราโอเล่, เจอร์ราด, ฮามันน์, อลองโซ่, ซิสโซโก้, คีลล์, มอริเอนเตส, ซินิมา ปงโกลล์, เคราซ์, ครอมแคมป์, แอกเกอร์, คาร์สัน
ข้อมูลของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดนี้จะเป็นนัดที่ทั้งสองทีมจะสู้เพื่อแย่งชิงอันดับ 2 ของตาราง รวมถึงพื้นที่ในการผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก โดยอัตโนมัติ หลังจากที่การแย่งตำแหน่งแชมป์ลำบากขึ้นไปทุกที เนื่องจากเชลซี ทำคะแนนหนีห่างไปถึง 16 คะแนนแล้ว โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคะแนนนำลิเวอร์พูล อยู่ 1 คะแนน ในขณะที่แข่งมากกว่าถึง 2 นัด
ทั้งสองทีมชนะในพรีเมียร์ลีก มาแล้ว 13 นัดในฤดูกาลนี้ โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะในเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ในสามนัดล่าสุด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการที่จะชนะลิเวอร์พูล ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นนัดที่ 3 ในรอบ 4 นัด หลังจากที่เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาสามารถเอาชนะได้ 2 ต่อ 1 จากการเหมาคนเดียวสองประตูของมิกาเอล ซิลแวสตร์ ซึ่งนัดนั้นเป็นการลงเล่นนัดแรกของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ หลังจากที่ติดโทษแบนยาว 8 เดือนเต็ม
ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องปราชัยใน 3 ใน 5 นัดหลังสุดที่พบกับลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ 1-0 ทั้งสามนัด
ลิเวอร์พูล ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ในลีกติดต่อกัน 12 นัดล่าสุด ซึ่งเป็นการไม่แพ้ติดต่อกันมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ของสโมสร นอกจากนี้ 20 นัดแรกของพวกเขาในฤดูกาลนี้ ยังเป็นการเล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทีมในพรีเมียร์ลีก อีกด้วย

ลิเวอร์พูล แพ้เพียงนัดเดียวใน 18 นัดล่าสุดรวมทุกรายการ โดยเป็นการแพ้ในกับเซา เปาโล ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลฟีฟ่า คลับ เวิร์ล แชมเปี้ยนชิพ โดยเป็นการเอาชนะได้ 14 นัด เสมอ 3 นัดตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่แล้ว

ลิเวอร์พูล สามารถเก็บสามคะแนนเต็มได้ 2 ครั้ง ใน 4 ครั้งที่เดินทางมาเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด จากการยิงประตูชัยให้ทีมเอาชนะไปได้ 1-0 ของแดนนี่ เมอร์ฟี่ย์ ทั้งสองนัด ในวันที่ 11 มกราคม 2002 และ 24 เมษายน 2004 แต่ในการพบกันสามครั้งล่าสุด ลิเวอร์พูล ไม่สามารถเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลย และยังยิงไม่ได้ถึงสองเกมด้วยกัน รวมถึงเกมที่ยันเสมอกันไป 0-0 ในช่วงต้นฤดูกาล
ผลงานล่าสุดของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
อยู่อันดับสองของตารางพรีเมียร์ลีก มี 45 คะแนน
พวกเขาแพ้ 2 นัดติดต่อกันครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 9 และ 20 เมษายนปีที่แล้ว โดยเป็นการแพ้ต่อนอริช และเอฟเวอร์ตัน
การเสมออาร์เซนอล 0-0 เป็นการเสมอโดยไม่มีสกอร์ครั้งแรกหลังจากที่เสมอกับลิเวอร์พูล ไปเมื่อต้นฤดูกาล
ไม่เสียประตู 1 นัดจาก 4 นัดล่าสุดในลีก
มีเพียงแบล็คเบิร์น และมิดเดิลสโบรซ์ เท่านั้นที่สามารถบุกมาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดได้ โดยเชลซี มาเยือนสนามนี้ก็ยังต้องพ่ายแพ้ออกไป
ชนะในโรงละครแห่งความฝันแห่งนี้ใน 3 นัดล่าสุด โดยเป็นการชนะต่อวีแกน (4-0) เวสต์ บรอมวิช (3-0) และโบลตัน (4-1)
หากไม่แพ้ในเกมนี้ จะทำสถิติไม่แพ้ในบ้านติดต่อกัน 14 นัด
พวกเขาสามารถเอาชนะในบ้านได้ 5 ใน 6 นัดล่าสุด
7 นัดหลังจากที่พ่ายแพ้ต่อแบล็คเบิร์น ในบ้านไป 1-2 เมื่อ 24 กันยายน พวกเขาสามารถชนะคู่แข่งได้ 5 นัดและเสมอ 2 นัด
10 นัดล่าสุดในบ้าน แพ้ไปเพียง 1 นัดเท่านั้น
ลิเวอร์พูล
อยู่อันดับ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีก มี 44 คะแนน
เอาชนะคู่แข่งได้ใน 2 นัดล่าสุดต่อลูตันในเอฟเอ คัพ และสเปอร์ส ในพรีเมียร์ชิพ
พวกเขาเอาชนะได้ 5 ใน 6 นัดล่าสุด และทำสถิติไม่แพ้มา 6 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการแข่งขัน
หลังจากที่แพ้เซา เปาโล ที่ญี่ปุ่น ลิเวอร์พูล เอาชนะคู่แข่งได้ 6 ตัดและเสมอ 1 นัด
ลิเวอร์พูลทำสถิติไม่แพ้มา 6 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการแข่งขัน
ในการลงเล่นในพรีเมียร์ชิพ 12 นัด หลังจากที่แพ้ฟูแล่ม ไปเมื่อ 22 ตุลาคม พวกเขาชนะ 11 นัดและเสมอ 1 นัด
ยิงประตูติดต่อกันมา 12 นัดในพรีเมียร์ลีก
16 นัดตั้งแต่กลางเดือนกันยายน พวกเขาจบเกมโดยไม่สามารถทำประตูได้เพียง 1 นัดเท่านั้น
ถึงตอนนี้พวกเขาทำแต้มหล่นในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ไป 16 คะแนน ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียไป 21 คะแนน ในขณะที่เชลซี ทำแต้มหายไปเพียง 5 คะแนนเท่านั้น
เป็นทีมที่เสียประตูในลีกน้อยที่สุดในฤดูกาลนี้ 11 ประตูเท่ากับเชลซี
พวกเขาจบเกมโดยไม่เสียประตูมากที่สุดในลีก (15 นัด)
พวกเขาไม่ชนะในเกมนอกบ้าน 5 นัดในฤดูกาลนี้ โดย 5 นัดล่าสุดนอกบ้าน พวกเขาชนะ 4 นัดและเสมอ 1 นัด
ข้อมูลเกี่ยวกับนักเตะ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รุด ฟาน นิสเตลรอย กำลังนำเป็นดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก อยู่ในขณะนี้ โดยทำไปทั้งหมด 15 ประตู ซึ่งมากกว่าเธียร์รี่ อองรี ของอาร์เซนอล และแฟรงค์ แลมพาร์ด ของเชลซี อยู่ 2 ประตู
รุด ฟาน นิสเตลรอย และเวย์น รูนี่ย์ ทำประตูรวมกันได้ถึง 26 ประตู จาก 41 ประตูในลีกของทีมฤดูกาลนี้
นักเตะปิศาจแดง สามารถทำประตูได้ 12 คน ในฤดูกาลนี้
ถ้าเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ได้ลงสนาม จะเป็นการลงสนามนัดที่ 150 ในพรีเมียร์ลีก กับสองสโมสร คือ ฟูแล่ม และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
หากจอห์น โอเชีย ได้ลงเล่นเป็น 11 คนแรก จะเป็นการออกสตาร์ท นัดที่ 100 ในพรีเมียร์ลีก ของเขา
หากอลัน สมิธ ได้เล่นเป็นตัวจริงในเกมนี้ จะเป็นการเล่นตัวจริงนัดที่ 50 ของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ติดโทษแบน
ลิเวอร์พูล
หากโมฮัมเม็ด ซิสโซโก้ ได้ลงสนาม จะเป็นการลงเล่นในวันเกิดครบรอบ 21 ปีของเขา
เจมี่ คาร์ราเกอร์ จะลงเล่นเป็นนัดที่ 75 ติดต่อกันในลีก
ถ้าซามี่ ฮูเปีย ได้ลง จะเป็นการลงสนามนัดที่ 350 ให้กับลิเวอร์พูล
ผลงานการพบกันเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ผู้ตัดสิน : เกรแฮม โพลล์
ผู้ทำประตู
แมนฯ ยูไนเต็ด : ซิลแวสตร์ นาทีที่ 20,66
ลิเวอร์พูล : โอเชีย (ทำเข้าประตูตัวเอง) นาทีที่ 54
ผลงานการพบกันในเกมแรก
ลิเวอร์พูล 0-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
วันที่ 18 กันยายน 2005 สนาม แอนฟิลด์
ผู้ตัดสิน : รอบ สไตล์
ผลงานการพบกันทั้งหมด
ในลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 53 ครั้ง เสมอ 43 ครั้ง แพ้ 49 ครั้ง
ในพรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 13 ครั้ง เสมอ 7 ครั้ง แพ้ 7 ครั้ง
ผลงานการพบกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ในลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 33 ครั้ง เสมอ 25 ครั้ง แพ้ 14 ครั้ง
ในพรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 6 ครั้ง เสมอ 4 ครั้ง แพ้ 3 ครั้ง
boom

By Skip